the choice ???

ได้ยินมาเสมอว่า ในการงาน ให้เลือกทำสิ่งที่ถนัดสิ่งที่ต้องทำ
อย่าทำสิ่งที่รัก ที่ชอบที่สนองความฝัน ที่จริงแล้วถ้าชอบถ้ารัก
ถนัดก็อย่าเลือกเป็นงานเพราะสักวัน ความรู้สึกนั้นมันจะเปลี่ยน
ไปเป็นเพียงการงานที่จำเจ ให้เลือกที่ชอบเป็นที่สองเป็นพอถนัด
เป็นที่สุดเป็นดีที่สุด พ่อฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่พูดเช่นนั้น

แล้วในทางเลือกที่สำคัญในชีวิตกับสิ่งที่จะต้องอยู่กับเราไปอีกชีวิตที่เหลือ
เช่นคนรักล่ะ ให้เลือกคนที่รักเป็นที่สองเป็นสามีแทนหรือเปล่าค่ะ

I heard that in the choice like job. They always said that choose the thing you suppose to do and good at not the job that fulfill your dream because someday that passion in the thing you like will gone away as it is just job that you have to wake up and work day by day. It is not your hobby anymore. My father is one of them who said that words. But, how about the important choice that stay with you from now till last breath of your life like the love one. Do I have to choose the second one I love as the husband?

P.S. Now the weather is getting cold I wish I cold wear the coat again....

เสียไปเพื่อที่จะได้มา

" During the last few generations mankind has made an extraordinary advance in the natural sciences and in their technical application and has established his control over nature in a way never before imagined. ... Men are proud of those achievements, and have a right to be. But they seem to have observed that this newly-won power over space and time, this subjugation of the forces of nature, which is the fulfillment of a longing that goes back thousands of years, has not increased the amount of pleasurable satisfaction which they may expect from life and has not made them feel happier."

Sigmund Freud, Civilisation and its discontents3

มันเป็นการก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งทางของมนุษย์ ทั้งด้านทางวิทยาศาสตร์ ด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจไม่ว่าจะการพัฒนาระบบการสื่อสารทางemailครั้งแรกเมื่อปี1969, หรือค้นหาอะไร ก็พบที่ได้ ณ google.com ในปี 1998, การค้นพบแผนที่ยีน human genome project ในปี 2003 (เราจะมีชีวิตที่ยืนยาว!)

เทคโนโลยีได้ก้าวเข้ามามีบทบาท อิทธิพลกับชีิิวิตมนุษย์อย่างแยกไม่ออก และเราเองก็ถูกมันครอบงำอย่างแยบคาย แน่นอนว่าเทคโนโลยีมีประโยชน์มหาศาล และทุกวันนี้งานที่ทำได้ มากขึ้น สะดวกขึ้น เร็วขึ้น (จริงหรือป่าว) เมื่อเรามี computer, searching machine, cloud computing.... 

แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกว่ามันมีสิ่งที่มนุษย์สูญเสียไป แน่นอนสิ มันต้องมีการแลกเปลี่ยน trade off  / opportunity cost. เมื่อวานนี้ฉันได้ไป museum siam สิ่งที่ได้พบคือ ชิ้นส่วนของหนังสือพิมพ์สมัยเก่า ตัวอักษรเรียงประสานเยี่ยงดังบทกวี นี่หรือคือ บทความที่เห็นได้ตามหนังสือพิมพ์ในยุคนั้น แม้แต่ข้อความตามจดหมายที่พนิดาเขียนตอบยาขอบ "คุณเป็นทศนิยมไม่รู้จบ สำหรับความรัก และคนรัก"หรือ "โปรดทราบไว้ด้วยหัวใจว่า หัวใจของพนิดามิใช่สายน้ำ ที่เมื่อทิ้งของอื่นลงไปกีดขวางทางเดิมแล้วจะไหลเบนไปในทางอื่นได้"ความละเมียดละไมของวรรณกรรมคือสิ่งที่ขาดหายไป เมื่อเราอ่านน้อยลง เขียนน้อยลง เขียนสั้นๆ พิมพ์สั้นๆ ทางfacebook twitter แน่นอนว่า เทคโนโลยีให้อะไรเรามากมาย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ให้มาย่อมเอาอะไรไปด้วย และสิ่งนั้นคือสิ่งใด 

สิ่งที่หลงหายไปตามสมัย คือหัวใจนั้นหรือ?

เริ่มบรรทัดนี้ที่ฉัน Start the line with''I''

เริ่มบรรทัดนี้ที่ฉัน

ฉันต้องการอิสระ 

ณ บรรทัดนี้ พื้นที่นี้ ฉันจอง ฉันเป็นเจ้าของ

                

พื้นที่นี้ มีเพียง ฉัน

เมื่อไรที่เขียนลงไปมีเพียง ฉัน

เมื่อไรที่ฉันจะกลายเป็นเรา

แล้วทำไมไม่คิดถึงเขาก่อน

คิดถึงคำว่าเขาก่อนที่จะเขียนคำว่าฉัน

ก่อนที่จะบรรทัดนี้จะมี เรา

จริงๆก็เป็นเรื่องที่มาจากว่า 

คติที่ว่าก่อนจะคิดถึงตัวเอง (ego center) ก็ึให้คิดถึงคนอื่น

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------

Start the line with ''I''

I want the freedom

here in this line this space I own

Only me alone here

Whatever written here is only about me

When is become us ?

and why  is not thinking about him ?

Before the word ''I'' let's be them

before this line will be us.

.......................................................................................................................................

This story I wrote come from the thinking of give a little thought to other before caring only yourself.