Saturday, November 26, 2011

เสียไปเพื่อที่จะได้มา



" During the last few generations mankind has made an extraordinary advance in the natural sciences and in their technical application and has established his control over nature in a way never before imagined. ... Men are proud of those achievements, and have a right to be. But they seem to have observed that this newly-won power over space and time, this subjugation of the forces of nature, which is the fulfillment of a longing that goes back thousands of years, has not increased the amount of pleasurable satisfaction which they may expect from life and has not made them feel happier."
Sigmund Freud, Civilisation and its discontents3
มันเป็นการก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้งทางของมนุษย์ ทั้งด้านทางวิทยาศาสตร์ ด้านเทคโนโลยี เศรษฐกิจไม่ว่าจะการพัฒนาระบบการสื่อสารทางemailครั้งแรกเมื่อปี1969, หรือค้นหาอะไร ก็พบที่ได้ ณ google.com ในปี 1998, การค้นพบแผนที่ยีน human genome project ในปี 2003 (เราจะมีชีวิตที่ยืนยาว!)

เทคโนโลยีได้ก้าวเข้ามามีบทบาท อิทธิพลกับชีิิวิตมนุษย์อย่างแยกไม่ออก และเราเองก็ถูกมันครอบงำอย่างแยบคาย แน่นอนว่าเทคโนโลยีมีประโยชน์มหาศาล และทุกวันนี้งานที่ทำได้ มากขึ้น สะดวกขึ้น เร็วขึ้น (จริงหรือป่าว) เมื่อเรามี computer, searching machine, cloud computing.... 

แต่สิ่งที่ฉันรู้สึกว่ามันมีสิ่งที่มนุษย์สูญเสียไป แน่นอนสิ มันต้องมีการแลกเปลี่ยน trade off  / opportunity cost. เมื่อวานนี้ฉันได้ไป museum siam สิ่งที่ได้พบคือ ชิ้นส่วนของหนังสือพิมพ์สมัยเก่า ตัวอักษรเรียงประสานเยี่ยงดังบทกวี นี่หรือคือ บทความที่เห็นได้ตามหนังสือพิมพ์ในยุคนั้น แม้แต่ข้อความตามจดหมายที่พนิดาเขียนตอบยาขอบ "คุณเป็นทศนิยมไม่รู้จบ สำหรับความรัก และคนรัก"หรือ "โปรดทราบไว้ด้วยหัวใจว่า หัวใจของพนิดามิใช่สายน้ำ ที่เมื่อทิ้งของอื่นลงไปกีดขวางทางเดิมแล้วจะไหลเบนไปในทางอื่นได้"ความละเมียดละไมของวรรณกรรมคือสิ่งที่ขาดหายไป เมื่อเราอ่านน้อยลง เขียนน้อยลง เขียนสั้นๆ พิมพ์สั้นๆ ทางfacebook twitter แน่นอนว่า เทคโนโลยีให้อะไรเรามากมาย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ให้มาย่อมเอาอะไรไปด้วย และสิ่งนั้นคือสิ่งใด 

สิ่งที่หลงหายไปตามสมัย คือหัวใจนั้นหรือ?







1 comment:

Sai - ทราย said...

จริงอย่างยิ่ง เหตุใดคนจึงอยากมีชีวิตที่ยืนยาว เมื่อชีวิตนั้นจะไม่ได้ถูกเติมเต็ม มีได้สร้างคุณค่าให้มวลมนุษยชาติ สู้มีชีวิตสั้นแต่เต็มเปี่ยมอย่าง Boris Vian ดีกว่า